5 ประเภท ไม้ยอดนิยมที่ใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์
ไม้ถือเป็นวัสดุหลักที่ใช้ในการประกอบเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายประเภท โดยเฟอร์นิเจอร์ไม้จะช่วยประดับบ้านให้มีความสวยงาม สะดวกต่อการใช้สอยและทนทานต่อการใช้งาน วันนี้ 9889 จะมาแนะนำ “5 ประเภท ไม้ยอดนิยมที่ใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์” ไม้แต่ละประเภทมีความแตกต่างกันอย่างไร รวมไปถึงกระบวนการผลิต ตลอดจนจุดเด่นและจุดด้อยของไม้ที่นำมาทำเฟอร์นิเจอร์ เพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเลือกซื้อหรือเลือกนำไปผลิตเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมตรงตามการใช้งาน คุ้มค่าต่อเงินในกระเป๋า
ที่มา : https://www.woodshopdirect.co.uk
1. ไม้แท้ (Wood)
ไม้แท้ (Wood) คือ การนำไม้จริงจากต้นไม้ทั้งต้นหรือท่อนไม้มาผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ทั้งชิ้นงาน เป็นที่นิยมมากในสมัยก่อนเพราะไม้หาง่าย ราคาถูกและไม่มีวัสดุอื่นทดแทน ต้องอาศัยช่างไม้ที่มีทักษะ เพราะการต่อไม้ต้องเข้าเดือย ในปัจจุบันเฟอร์นิเจอร์ไม้จริงมีน้อยลงมากเพราะไม้ใหญ่หายากมากขึ้น มีราคาแพงและยังมีวัสดุอื่นๆ ที่มีความทนทาน ทดแทนได้ในปัจจุบัน โดยไม้ที่นิยมนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้จริง เช่น ไม้สัก, ไม้ประดู่, ไม้เต็ง, ไม้แอช, ไม้โอ๊ค, ไม้มะค่า, ไม้แดง, ไม้ตะเคียนทอง, ไม้ตะแบก เป็นต้น โดยจะมีไม้จริงอีกกลุ่มที่เรามักพบเห็นได้หลากหลายและราคาไม่แพง คือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ยางหรือไม้จามจุรี ซึ่งเป็นไม้ที่มีราคาถูกและส่วนใหญ่เป็นลักษณะไม้ประสาน (Joint Wood)
ไม้ประสาน คือ การทำเศษไม้ชิ้นเล็กๆ มาแปรรูปเชื่อมต่อกันเป็นไม้ชิ้นใหญ่แล้วค่อยนำไปขึ้นชิ้นงานเป็นเฟอร์นิเจอร์อีกที โดยสามารถแยกประเภทตามลักษณะความแข็งแรงของไม้ ดังนี้
จุดเด่น
จุดด้อย
ที่มา : https://www.behance.net
2. ไม้ปาร์ติเกิ้ล (Particle Board)
ไม้ปาร์ติเกิ้ล (Particle Board) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่าไม้ PB ผลิตมาจากเศษชิ้นไม้เล็กๆ รวมไปถึงขี้เลื่อย นำมาอัดประสานกันโดยสารเคมีและนำมาทำการบดอัดด้วยความดันสูง จนได้แผ่นไม้ขนาดต่างๆ โดยความหนาที่นิยมนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์จะอยู่ที่ 9-25 มิลลิเมตร ซึ่งไม้ปาร์ติเกิ้ลบอร์ดถือเป็นไฟเบอร์บอร์ดชนิดหนึ่งและเป็นไม้ที่มีน้ำหนักเบาสุดในบรรดาไฟเบอร์บอร์ดทั้งหมด โดยวิธีการคือจะใช้ไม้ยางพาราสับเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมกับกาว แล้วนำไปอัดขึ้นรูปเป็นแผ่นไม้ เนื้อไม้จะ “เหนียวแต่ไม่แน่น” ได้เปรียบตรงความเหนียวที่ได้จากเส้นใยที่ประสานกัน แต่เนื้อไม้จะฟู หยาบ ไม่แน่น ในเนื้อไม้จะมีโพรงอากาศเล็กๆ ทำให้ไม้เบากว่าไม้จริง ซึ่งความแข็งแรงก็น้อยกว่าเอ็มดีเอฟ และพาร์ดวูด มักนิยมเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ หรือโครง Built-in furniture ไม่นิยมพ่นสี แต่จะใช้การปิดผิวด้วยกระดาษ เมลามีน ลามิเนตและวัสดุอื่นแทน
จุดเด่น
จุดด้อย
ที่มา : https://www.pinterest.com
ที่มา : https://www.addicted2decorating.com
3. ไม้ MDF (Medium-Density Fiberboard)
ไม้ MDF (Medium-Density Fiberboard) เป็นไม้อีกประเภทที่ได้รับความนิยมในการผลิตเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปแบบลอยตัวและบิลท์อิน โดยกระบวนการผลิตหรือต้นกำเนิดของ Particle board กับ MDF จะคล้ายกัน คือการใช้เศษขี้เลื่อยของไม้ยางพารามาแล้วผสมกาว นำไปอัดเป็นขึ้นเป็นแผ่นและนำแผ่นนั้นมาบดเป็นผงอีกทีหนึ่ง แล้วจึงนำไปผสมกับกาวอบให้แห้ง เพื่อนำไปอัดแผ่น ด้วยความร้อนอีกครั้ง ทำให้เนื้อไม้มีความหนาแน่น ละเอียด และมีพื้นผิวด้านนอกที่เนียนมากกว่าไม้ Particle Board
คุณสมบัติของ ไม้ MDF (Medium Density Fiberboard) ผิวมีความหนา แน่น และเรียบสม่ำเสมอตลอดทั้งแผ่น สามารถขูดแต่งเนื้อไม้ได้เรียบเนียน งานที่ออกมาจึงดูเรียบร้อยไม่เป็นขุย ขนาดที่นิยมนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ จะอยู่ที่ 3 - 25 มิลลิเมตร โดยพื้นผิวภายนอกนั้นสามารถปิดผิวได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการปิดผิวด้วยกระดาษ เมลามีน ลามิเนต รวมไปถึงสามารถนำมาพ่นสีทับผิวด้านนอกเนื้อไม้ได้
จุดเด่น
จุดด้อย
ที่มา : https://www.amazon.com
4. ไม้อัด HMR (High Moisture Resistance board)
ไม้อัด HMR (High Moisture Resistance board) คือ แผ่นใยไม้อัดทนความชื้นหรือการนำไม้เอ็มดีเอฟ (MDF) ผสมสารทนความชื้น โดยกรรมวิธีการผลิตคือการนำไม้ยูคาลิปตัสมาสับและบด จนเป็นเส้นใยละเอียด แล้วใช้เทคนิคในการผลิตแบบอัดประสานด้วยกาวชนิดพิเศษ จึงสามารถช่วยเพิ่มแรงต้านในการขยายตัว และทนทานเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง โดยไม่มีอาการบวม บิด หรือโก่งงอ สามารถใช้กับเครื่องมืองานไม้ได้ทุกชนิด เมื่อนำไปตัดหรือตกแต่งจึงสามารถทำได้ง่ายโดยที่เนื้อไม้ไม่หักหรือบิ่น
จุดเด่น
จุดด้อย
ที่มา : https://www.bunnings.com.au
ที่มา : https://www.takizawaveneer.co.jp
5. ไม้อัด (Plywood)
ถือเป็นไม้ที่มีคุณภาพขึ้นมาอีกระดับ เรื่องของความทนทาน แข็งแรง ในกระบวนการผลิตไม้อัด (Plywood) คือ การนำไม้ท่อนซุงมาปอกเปลือกชั้นนอกส่วนที่ผิวไม่เรียบออกไป ผ่าให้ได้แผ่นบาง ๆ หรือที่เรียกว่าวีเนียร์ และนำวีเนียร์ที่ได้มาอัดเข้าด้วยกันเป็นชั้น ๆ จนแน่น โดยใช้กาวเป็นตัวประสาน โดยวีเนียร์แต่ละแผ่นที่นำมาประกอบเป็นแผ่นไม้อัดจะว่างในลักษณะให้เสี้ยนไม้ตั้งฉากกัน เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในเรื่องของความแข็งแรง และทำให้ไม้อัดไม่ยืดหรือหดตัว เมื่อความชื้นเปลี่ยนไป และปิดผิวด้วยเยื่อบุไม้ ซึ่งไม้อัดทำมาจากไม้ชนิดต่าง ๆ เช่น ไม้สัก, ไม้ยาง, ไม้ชิงชัน, ไม้ประดู่, ไม้ตองจิง, ไม้จำปา, ไม้สยา, ไม้กะบาก เป็นต้น ที่นิยมนำมาผลิตเฟอร์นิเจอร์ความหนาของไม้อัดจะมีความหนาอยู่ที่ 3, 4, 6, 10, 12, 15 และ 20 มม.
จุดเด่น
จุดด้อย
หลังจากทราบจุดเด่น-จุดด้อยของไม้แต่ละประเภทกันไปแล้ว จะเห็นได้ชัดว่าไม้แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติจุดเด่นและข้อควรระวังที่แตกต่างกันออกไป 9889 หวังว่าบทความ “5 ประเภท ไม้ยอดนิยมที่ใช้ผลิตเฟอร์นิเจอร์” จะช่วยประกอบการตัดสินใจในการเลือกไม้สำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์ได้ เลือกไม้ได้แล้วก็อย่าลืมเลือกเอจปิดขอบ 9889 ด้วยนะคะ หากผู้ประกอบการธุรกิจผลิตเฟอร์นิเจอร์ไม้ท่านใดสนใจใช้วัสดุปิดขอบเฟอร์นิเจอร์หรือเอจปิดขอบ ทาง 9889 เป็นโรงงานผลิตวัสดุปิดขอบ มีวัสดุปิดขอบให้ได้เลือกมากกว่า 10,000 ไอเท็มด้วยกัน หรือหากยังไม่มีสีหรือลายที่ถูกใจ สามารถส่งชิ้นไม้หรือแผ่นลามิเนตมาให้ทางเราแมทช์กับวัสดุปิดขอบได้เลยค่ะ
เรียบเรียง : บริษัท 9889 (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเอจปิดขอบเฟอร์นิเจอร์
#เอจ #เอจปิดขอบ #เอจปิดขอบเฟอร์นิเจอร์ #EdgeBanding9889 #Edgebanding #ขอบพีวีซี #พีวีซีปิดขอบ #วัสดุปิดขอบเฟอร์นิเจอร์ #ขอบเอจ #ขอบPVC #PVCปิดขอบ #ขอบเฟอร์นิเจอร์ #เอจพีวีซี #เอจเฟอร์นิเจอร์ #ขอบเอจทนทาน #เอจกันแสงยูวี #เอจไม่ซีด #เอจไม่เหลือง #เอจทนเเสงยูวี #เอจ9889 #9889edge #9889เอจ #เก้าแปดแปดเก้า #เก้าแปดแปดเก้าขอบเอจ #ขอบเอจเก้าแปดแปดเก้า #คุณภาพดี9889 #PVC9889 #ขอบบิ้วอิน